สอบถามราคา เหล็กเอชบีม H-Beam 200×200 กับทางเรา ได้ที่ร้านอาณาจักรนายช่าง ติดต่อ เบอร์โทร 086-341-9908 หรือ LINE : NaichangNetwork
เหล็กเอชบีม 200×200
มีความนิยมกันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งยังมีความเหมาะสมสำหรับการนำไปใช้งานโครงสร้างต่าง ๆ ที่เราสามารถพบเห็นได้ทั่ว ๆ ไป ตามท้องถนน ตึก และ อาคารสำนักงาน แล้วยังสามารถนำไปใช้งานกับเหล็กรูปพรรณอื่น ๆ ได้อีกด้วย ทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ได้มาตรฐานนั่นเอง
สารบัญ
ลักษณะที่สำคัญและหลักการผลิตของ เหล็กเอชบีม
จุดเด่นที่มีความสำคัญของตัวเหล็กชนิดนี้ จะมีรูปขนาดรูปทรงที่เหมือนตัวอักษรภาษาอังกฤษ ก็คือ ตัวเอช H ซึ่งจะมีลักษณะที่ด้านทุกด้านมีขนาดเท่ากันไม่ว่าจะเป็นด้านกว้าง และ ด้านยาว
(มีลักษณะที่มีความเด่น ๆ เลยก็คือมีปีกที่มีความกว้างเท่ากัน)
เหล็กHB จะเริ่มมีขนาดความตั้งแต่ 6 , 9 , 12 เมตร แต่ส่วนมากที่นิยมกันจะเป็นขนาดความยาวอยูที่ 6 เมตร แล้วจะมีเกรดของอยู่ 2 ชนิดได้แก่ 1.SS400 2.SS540
เหล็กเอชบีม หรือ เรียกอีกอย่างว่า เหล็กรูปพรรณรีดร้อน เป็นกระบวนการผลิตที่ได้ริเริ่มจากการนำเหล็กมาหล่อหลอม จนกลายมาเป็นเหล็กแท่ง แล้วหลังจากนั้นนำมารีดตอนที่เหล็กยังมีความร้อนหลงเหลืออยู่ ถึงจะทำการขึ้นรูปให้มีลักษณะเป็นตัวเอช นั้นเอง
เหล็ก H-Beam จะมีรูปแบบของหน้าตัด ซึ่งจะมีปีก (Flange) และมีความกว้างที่ยื่น ออกมาจากตรงกลางของเหล็กเอชบีม (Web) อีกทั้งจะต้องมีความหนา ของเหล็กเอชบีมที่เป็น ปีกของเหล็กต้องเท่ากัน และ จะต้องไม่มีการปาด หรือ การลบมุมที่ปลายของปีกเด็ดขาด
เหล็กเอชบีมกับการนำมาใช้งาน
เอชบีมเป็นเหล็กที่มีคุณภาพ และได้มาตรฐาน ASTM จากประเทศ USA ซึ่งเป็นเหล็กที่มีความแข็งแรงทนทานสูง และยังเป็นเหล็ก ที่เหมาะสำหรับการใช้งาน กับโครงสร้าง เช่น โครงสร้างของเสา โครงสร้างของคาน โครงสร้างหลังคา และ ยังสามารถใช้งานได้ในอาคาร บ้านพักที่อยู่อาศัย หรืออาคารสูง ๆ ที่ต้องการโครงสร้าง ที่ต้องการความแข็งแรงสูง
ปัจจุบันเหล็ก HB.และเหล็กรูปพรรณแบบอื่น ๆ สามารถผลิตได้ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งเป็นเหล็กที่ได้รับความนิยม หรือใช้งานกันอย่างหลากหลายในงานก่อสร้าง งานโครงสร้าง เนื่องด้วยตัวโครงสร้างของเหล็กเอชบีม จึงทำให้นำไปใช้งานได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว สามารถทำการดัด รูปทรงโค้งงอได้ง่าย หรือทำการดัดแปลง ต่อเติม รื้อถอน เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์หน้างาน และ ได้ขนาดที่เป็นมาตรฐานจากโรงงาน จึงมั่นใจในคุณภาพของเหล็กรูปพรรณ ทำให้หน้างานมีความสะอาด และไม่มีสิ่งสกปรก แล้วยังนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง
การทาสีแบ่งตามหมวดหมู่ของเหล็กได้กี่ประเภท?
เหล็กที่ยังไม่ผ่านการใช้งาน
- ต้องทำการขัดผิวเหล็ก ให้มีความสะอาดก่อนแล้ว หลังจากนั้นให้นำสีกันสนิม มาทาก่อนประมาณ 1-2 รอบ เพื่อช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะ ระหว่างสีจริง และ ตัวเหล็กของเรา
- หลังจากที่เราได้ทำการ ทาสีรองพื้นของเรา จนมีความแห้งแล้ว ก็จะสามารถทาสีจริงทับได้เลย แต่ในการทาสีจริง หรือ สีทาทับหน้านั่นต้องทาทั้ง 2 รอบ และ แต่ละรอบนั้นต้องรอ ระยะเวลาในการแห้งประมาณ 7 ชั่วโมง อีกทั้งสีจริง และ สีรองพื้นที่ทาต้องเป็นสีเดียวกัน เพื่อให้สีที่มีความเรียบเนียน และ มีความสวยงาม
เหล็กเก่าที่มีสนิมแต่ยังสามารถใช้งานได้
- ในขั้นตอนแรกให้ใช้กระดาษทรายนำมาขัดตรงบริเวณที่เป็นสนิมให้หลุดออกจากพื้นผิวของตัวเหล็ก หลังจากนั้นให้มีการทำความสะอาดเหล็ก แล้วถึงจะทำการทาสีกันสนิม เพื่อป้องกันการเกิดสนิมซ้ำอีกครั้ง
- เมื่อเราทำการทาสีรองพื้นกันสนิมจนเสร็จแล้ว เราก็จะสามารถนำสีจริงมาทาทับลงบนพื้นผิวของตัวเหล็กได้เลย
สีกันสนิมนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง
- สีรองพื้นกันสนิมอีพ็อกซี่ เป็นสีกันสนิมที่มี คุณภาพที่สูง อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพ อีกมากมาย ทั้งสามารถทนทาน ต่อการเสียดทาน หรือขูดเป็นอย่างดี เนื่องจากสีรองพื้น ประเภทนี้มีคุณภาพที่สูง มากจึงทำให้มีราคาค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับสีรองพื้น กันสนิมประเภทอื่น ถึงจะเป็นรองพื้น กันสนิมที่มีคุณภาพสูง แต่ก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมใช้กัน เนื่องจากเป็นสีที่ผู้ใช้ต้องผสมเอง อีกทั้งยังมีขั้นตอนที่ยุ่งยาก และซับซ้อน ในการผสมต้องใช้ในอัตราส่วน ที่กำหนดถ้าผสมผิด จะไม่สามารถแก้ไขได้ และอาจจะทำให้ประสิทธิภาพ ของสีกันสนิมลดลงได้ สีทาสนิมประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะใช้กับเหล็ก ที่ต้องการการความทนทาน ที่สูงและสี่ที่ติดคงทนไม่จำเป็น ที่จะต้องทาสีใหม่บ่อย
- สีรองพื้นกันสนิม เรดเลดเป็นสีกันสนิม ที่มีประสิทธิภาพ ในการกันสนิมได้ดีมาก เนื่องจากส่วนผสม ที่เป็นประเภทตะกั่ว ที่มีประสิทธิภาพในการกันสนิมได้ดีเยี่ยม อีกทั้งยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ช่วยให้สีรองพื้นชนิดนี้ เป็นมีประสิทธิภาพในการเกินสนิมใหม่ แต่สีรองพื้นประเภทนี้ เป็นสีที่มีราคาตั้งแต่กลาง ๆ จนถึงราคาที่สูง ขึ้นอยู่กับส่วนผสม สีประเภทนี้จะใช้ในงาน อุตสาหกรรม และโครงสร้างที่มีขนาดใหญ่
- สีรองพื้นกันสนิมอัลคิดเรซิน เป็นสีที่สามารถกันสนิมได้ดี แต่น้อยกว่าสีรองพื้นกันสนิมอีพ็อกซี่ และสีรองพื้นกันสนิมเรดเลด แต่ถึงอย่างนี้สีรองพื้นชนิดนี้ ยังเป็นสีรองพื้นที่มีประสิทธิภาพ มากสามารถทนทาน การขูด และ การเสียดทานได้ดี และสีชนิดนี้สามารถใช้ในงานทั่วไปได้เลย จึงทำให้เป็นสีรองพื้นกันสนิม ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งยังมีราคาที่ถูกกว่า สีรองพื้นประเภทอื่นอีกด้วย
การใช้งานของเหล็ก IB และ เหล็ก HB ต่างกันอย่างไร
หลายท่านคงมีความสงสัยว่าเหล็ก 2 ตัวนี้ แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งเหล็กทั้ง 2 หน้าตัดนี้ มีข้อแตกต่างกันอยู่ 2 ด้าน คือ
1.ด้านการนำไปใช้งาน
เหล็กเอชบีมH-Beam จะนำมาใช้งานได้ ในการก่อสร้างประเภทอาคาร เป็นชิ้นส่วนของ เสา คาน โครงสร้างหลังคา และอื่น ๆ อีกมากมาย H-Beam มีขนาดหน้าตัด ให้เลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่ HB 100×50 mm. จนถึงขนาดใหญ่สูงสุดที่ HB 900×300 mm. ทำให้ H-Beam นั้นได้ถูกเลือกใช้ในงาน ที่หลากหลาย ทั้งโครงสร้างอาคาร โครงหลังคา โครงสร้างโรงงาน หรือ แม้แต่งานโครงการ ขนาดใหญ่เป็นต้น ได้แก่ โรงจอดเครื่องบิน เหล็กไอบีม IB จะนิยมนำมาใช้ทำรางเครน Crane Girder ที่ไว้ใช้ยกของที่มีน้ำหนักมาก และเหล็กไอบีมนี้ ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้งาน ที่มีความเฉพาะเจาะจงมากกว่า ได้แก่ รางเลื่อนของเครนใน โรงงานอุตสาหกรรม เพราะความหนาของ Flange ปีกที่ยื่นออกมา ที่มาก และยังมีลักษณะเป็น Taper เรียวที่ปลาย ไม่เหมือนกับ HB ที่มีความหนาของ Flange เท่ากันตลอด ส่งผลให้โดยทั่วไป IB จะมีความสามารถ ในการรองรับแรงกระแทก ได้ดีแต่ก็จะมีน้ำหนักที่มากกว่า HB ในขณะที่หน้าตัดมีความเท่ากัน
2.ด้านของลักษณะรูปร่าง
มีความแตกต่างของเหล็กทั้ง 2 หน้าตัด ก็คือ ปีก Flange ทั้งบน และ ล่างของเหล็ก HB จะเป็นแผ่นเรียบหน่าเท่ากันตลอด ส่วนของเหล็กไอบีม IB ทั้งปีกบน และ ล่างจะเป็นแผ่นเอียง หรือ Taper Flange ซึ่งจะมีขนาดหน้าตัดเหล็กที่เท่ากัน IB จะมีน้ำหนักต่อเมตรสูงกว่า HB เนื่องจากเหล็ก IB จะมีความหนาของเหล็กมากกว่าเพื่อรองรับแรงกระแทก และ การเคลื่อนที่จากรางเครน
เลือกดู เหล็กบีมทุกประเภท คลิ๊ก
สอบถามวัสดุโครงสร้าง หรือสอบถามข้อมูลอื่น ๆ ได้ที่ นายช่างกรุ๊ป
การนำวัสดุก่อสร้างไปใช้งาน คลิกที่นี่
ความรู้วัสดุก่อสร้าง คลิกที่นี่