H beam 175×175
h beam 175×175 ได้มีการจัดอยู่ในหมวดของเหล็กเป็นพวกโครงสร้างประเภทของเหล็กรูปพรรณรีดร้อน ทำให้เราสังเกตหน้าตัดแล้วในจะมีความคล้ายตัวอักษรในภาษาอังกฤษ ก็คือ ตัว H ทำให้เมีความเหมาะสมที่จะนำไปใช้งานกับโครงสร้างต่าง ๆ ได้อีกด้วยนั่นเอง
สารบัญ
ลักษณะเด่น ๆ ของเหล็กเอชบีม 175×175
ซึ่งจะมีลักษณะที่แต่ละด้านของปีกจะมีขนาดเท่ากัน ได้แก่ 100 x 100 มม. โดยจะให้มีรูปร่างจะมีความคล้ายกับเหล็กชนิดอื่น ๆ บางคนอาจจะมีการเรียกผิดไปบ้าง แต่ถ้าลองสังเกตดี ๆ ตรงขนาดของเหล็ก ถ้าเป็นเหล็กเอชบีม จะมีด้านที่เท่ากัน แต่ถ้าเป็นเหล็กไวด์แฟรงค์ จะมีด้านที่ไม่เท่ากัน และ จะมีความหนาจองด้านที่น้อยกว่าเหล็กไอบีม ด้วยนั่นเอง
หลักกระบวนการผลิตของเหล็ก H-BEAM 175×175
เริ่มจากการนำเศษเหล็กมาหลอมกับเบ้าที่มีขนาดใหญ่ด้วยอุณหภูมิที่สูงถึง 1,600 องศาเซลเซียส จนเริ่มละลายกลายเป็นน้ำเหล็ก แล้วทำการเติมโลหะปรุงแต่งส่วนผสมเพื่อให้มีความแข็งแรงตามเกรดที่ลูกค้าต้องการ เมื่อเราได้ทำการปรุงแต่งส่วนผสมทั้งหมดแล้วถึงจะนำมาหล่อให้เป็นแท่ง หลังจากนั้นก็ให้นำเหล็กแท่งมารีดด้วยเครื่องรีดที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีอุณหภูมิที่สูง ๆ ประมาณ 1,200 องศาเซลเซียส ซึ่งจะมีรูปร่างหน้าตัดของเหล็กแท่งจะถูกลดขนาด และ สามารถแปรเปลี่ยนไปตามแบบของการหลอมแต่ละเบ้า HEAT ของการรีดเหล็กร้อนทำให้เป็นรูปร่างที่มีความกว้าง กับ ความหนาให้มีความพอดีตามที่ได้ถูกกำหนด ต้องมีการทดสอบความแข็งแรง เนื่องจากเป็นการผลิตโดยมีการหลอม กับ การรีดร้อนจนขึ้นมาเป็นท่อน ทำให้เหล็กโครงสร้างชนิดนี้มีความเป็นเนื้อเดียวกันจนไม่มีรอยเชื่อมต่อระหว่างส่วนต่าง ๆ ทำให้มีคุณสมบัติของหน้าตัดจึงมีความสม่ำเสมอมากกว่าเหล็กโครงสร้างชนิดอื่น ๆ
หลักการนำไปใช้งานของเหล็กเอชบีม
เหล็กเอชบีม มีความเหมาะสมกับการนำไปใช้งานเป็นโครงสร้างของ คาน เสา และ หลังคา ทั้งในอาคารบ้านพักของผู้อาศัย โรงงาน อาคารสูง หรือ สนามกีฬา เหล็กเอชบีม จะมีมาตรฐานจาก ASTM ของประเทศสหรัฐอเมริกาจะเรีบกว่าแบบนี้ว่าเหล็ก WIDE FLANGE นั่นเอง
ความแตกต่างระหว่างของเหล็กทั้ง 2 ชนิดก็คือ เหล็ก I Beam กับ เหล็ก H Beam
หลายท่านคงมีความสงสัยว่าเหล็ก 2 ตัวนี้ แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งเหล็กทั้ง 2 หน้าตัดนี้ มีข้อแตกต่างกันอยู่ 2 ด้าน คือ
- ด้านการใช้งานหลัก ๆ
ในส่วนเหล็กไอบีม I – beam มักจะนิยมนำไปทำรางเครน (หรือ Crane Girder) ที่ใช้ยกของที่มีน้ำหนักมาก และ เหล็กไอบีมนั้นถูกผลิตขึ้นมากเพื่อใช้ในงานที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า (More Specific) เช่น รางเลื่อนของเครนในระบบอุตสาหกรรม เพราะความหนาของปีกที่ยื่นออกมาที่มาก และ มีลักษณะลาดลง และ เรียวที่ปลาย ซึ่งต่างกับ H -beam ที่มีความหนาของปีกเท่ากันตลอด ซึ่งทำให้ตัว I-beam มีความสามารถในการรับแรงกระแทกได้ดี แต่ก็จะแลกมาด้วยน้ำหนักที่มากกว่า เอชบีม H – Beam เมื่อเทียบกันที่หน้าตัดเดียวกัน
เมื่อเทียบกันซึ่งจะเห็นได้ว่าไอบีมมีน้ำหนักที่มากกว่าเอชบีมถึง 32% แต่กระนั้น I – Beam ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกระแทกด้วย ความให้องค์ประกอบเชิงโครงสร้างของ I-Beam จะมีมากกว่า
- ด้านลักษณะของรูปร่างเหล็ก
เหล็กเอชบีม กับ ไอบีม เป็นเหล็กรูปพรรณรีดร้อนเหมือนกันที่สามารถนำมาใช้งานได้อย่างมีความหลากหลาย ตั้งแต่การนำไปใช้งานก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ไปจนถึงชิ้นส่วนต่าง ๆ ในโรงงาน แต่คุณสมบัติต่างกันเมื่อนำไปใช้งานตามความเหมาะสมดังนี้ คือ ด้านกระบวนการของการผลิต ทั้งเหล็กเอชบีม กับ ไอบีม จะมีโครงสร้างของรูปพรรณรีดร้อนเช่นเดียวกัน เพราะสร้างมาจากการหลอก และ รีดร้อนให้ขึ้นรูปเป็นท่อนเพื่อความเป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้ปราศจากรอยเชื่อมต่อระหว่างส่วนต่าง ๆ ความแตกต่างของเหล็กทั้ง 2 ชนิดนี้จะอยู่ที่ลักษณะของเหล็กมีหน้าตัดที่ต่างจากกัน มีความยาว และ ความหนาของปีกที่แตกต่างกัน
หาซื้อวัสดุโครงสร้าง หรือ สอบถามข้อมูลอื่น ๆ ได้ที่ นายช่างกรุ๊ป
สีหรือปุ๋ยเราก็มีนะ เลือกซื้อสี
ความรู้วัสดุก่อสร้าง คลิกที่นี่
สั่งซื้อ สินค้า กับร้านอาณาจักรนายช่าง ได้ที่
LINE : NaichangNetwork กดคลิกได้เลย
หรือโทร 086-341-9908