อิฐมวลเบา 7 ซม. 20*50

อิฐมวลเบา 7 ซม. 20*50 เป็นอิฐมวลเบาที่ผลิตมาจากคอนกรีตอบไอน้ำ ถึงมีคุณสมบัติพิเศษที่เหนือกว่าอิฐทั่ว ๆ ไป ของด้านความแข็งแรง สามารถกันความร้อน หรือ กันเสียง และ ยังกันไฟได้อีกด้วย เหมาะกับงานที่เกี่ยวกับ บ้านจัดสรรทาวน์เฮ้าส์ , คอนโด หรือแม้กระทั้ง อพาร์ทเม้นท์ อีกด้วย

สารบัญ

• อิฐมวลเบาคืออะไร
• ขั้นตอนการผลิต
• อิฐมวลเบาดีกว่าอิฐมอญหรือไม่
• ข้อดีและข้อเสีย
• วิธีการสั่งซื้อ

อิฐมวลเบา  7 ซม. 20*50 ราคา ถูก

การผลิตอิฐมวลเบาเป็นเรื่องที่ซับซ้อน คุณภาพของอิฐมวลเบาจะขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีการผลิต การควบคุมคุณภาพ และ สูตรของการผลิต ปัจจัยหลักของคุณภาพคือ ความแข็งแรง ไม่แตกหักเสียหายง่ายระหว่างขนส่ง และ ระหว่างก่อใช้งาน
ถูกผลิตขึ้นจากนวัตกรรมการผลิตที่ทำให้ผลึกโครงสร้างภายในตัวอิฐเกิดการสมบูรณ์ ตัวเนื้ออิฐมีการกระจายของฟองอากาศอย่างสม่ำเสมอ มิติรูปร่างที่แน่นอน

ขั้นตอนการผลิต มวลเบา 7 ซม. 20*50

ขั้นตอนที่ 1 เตรียมผสมน้ำกับทราย

การนำทรายที่คัดคุณภาพมาผสมกับยิปซั่มในอัตราส่วนที่พอเหมาะ แล้วต่อจากนั้นนำไปบด โดยการใช้น้ำเป็นส่วนประกอบในการบด ด้วยหม้อบดทรายชนิดเปียก

ขั้นตอนที่ 2 การทำให้ความเข้มข้นคงที่ โดยการเตรียมส่วยผสมทรายกับน้ำ

ในการควบคุมอุณหภูมิต้องให้มีความเหมาะสมกับขั้นตอนนี้เพราะจะทำให้มีความเข้มข้นของส่วนประกอบที่มีความคงที่อยู่ตลอด โดยส่วนผสมที่ใช้จะมีตั้งแต่ ทรายละเอียด และ น้ำ ที่มีการถูกบดแล้วหลังจากนั้นก็ให้เอาไปเก็บไว้ในถังทราย

ขั้นตอนที่ 3 การผสมวัตถุดิบในการทำ อิฐมวลเบา 

ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ และ ปูนขาวนำมาชั่งด้วยเครื่องชั่งน้ำหนัก และ นำไปใส่ถังผสม ซึ่งจะเป็นการผสมน้ำกับทราย และ รีเทิร์นในถังผสม (รีเทิร์นได้มากจากส่วนผสมที่ได้จากการตัดในขั้นตอนที่5 มีคุณสมบัติให้ความแข็งแรงของปูนซีเมนต์และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เนื้อทรายก็เช่นกัน การควบคุมรีเทิร์นจะต้องมีการควบคุมให้เข้มข้นคงที่อยู่ตลาดเวลา และ จะมีการตรวจสอบคุณภาพก่อนที่จะทำกลับมาผสมใช้ใหม่) และ ส่วนผสมน้ำกับอลูมิเนียมจะถูกควบคุมอุณหภูมิห้ามเกินขีดจำกัดในถังผสม ทำให้มีผลเสียต่อผลิตภัณฑ์ได้ในภายหลัง

ขั้นตอนที่ 4 การเทส่วนผสมจากถังผสมลงในโมลด์

วัตถุดิบส่วนผสมทั้ง 5 อย่าง จะถูกเทลงในโมลด์ และ นำไปลำเลียงเก็บไว้ในห้องที่อุณหภูมิ 40 องศา ปฎิกิริยาระหว่างน้ำกับปูนซีเมนต์จะเริ่มแข็งตัว เกิดขึ้นในโมลด์ในขณะที่ทีการฟูตัวขึ้นเหมือนการทำเค้ก ได้ผลิตภัณฑ์ขั้นต้นที่เรียกว่ากรีนเค้ก เกิดจากการทำปฎิกริรยาระหว่างอมิเนียม และ ด่างให้ไฮโดรเจนออกมา ในเวลา 2 – 3ชั่วโมง เมื่อได้ความพอเหมาะจะถูกนำไปตัดต่อไป

ขั้นตอนที่ 5 การตัด

การถอดโมลด์ออกแล้วจะได้กรีนเค้กแล้วถูกนำไปตัดด้านทั้ง 4 ด้าน และ ตัดขนาดตามที่ลูกค้าต้องการจะได้เป็นอิฐเขียว

ขั้นตอนที่ 6 การทำให้อิฐเขียวเกิดการแข็งตัว

การทำให้อิฐเขียวแข็งตัวคือการนำเอาอิฐที่ตัดแล้วเข้าไปในหม้ออบไอน้ำที่อุณหภูมิ 200 องศา ความดัน 15 บาร์ อบในหม้อ12ชั่วโมง จะได้อิฐมวลเบาสีขาวที่แปรรูปจากอิฐเขียว จากปฎิกิริยาที่เกิดกับทราย และ ด่าง เรียกว่าแคลเซียมซิลิเกรต เป็นผลึกสีขาว

ขั้นตอนที่ 7 การแพ็คและแยก

อิฐมวลเบาที่ผ่านการอบจะถูกนำเลียงออกมาทีละก้อน และ นำไปจัดไว้บนพาเลท พร้อมรัดสาย ก่อนนำออกจากโรงงาน หลังจากนั้นก็นำเอาไปให้ฝ่ายคลังสินค้าเพื่อกระจายออกสู่ตลาด

คุณสมบัติเด่นของมวลเบา 7 ซม.

นอกจากเรื่องน้ำหนักแล้ว ด้วยขนาดอิฐที่ใหญ่ ได้มาตรฐาน จึงช่วยให้กระบวนการก่ออิฐ เสร็จไววกว่าอิฐมอญมาก โดยช่างจะใช้ปูนก่อที่ผลิตมาเพื่ออิฐมวลเบาโดยเฉพาะ และ เมื่อก่อเสร็จไวค่าแรงคนงานลดลง ขนาดที่ได้มาตรฐานช่วยลดการสูญเสียของอิฐได้ดีกว่าอิฐมอญ

มวลเบา7ซม.ดีกว่าอิฐมอญหรือไม่ ?

อิฐมวลเบามีราคาที่แพงกว่า เมื่อเทียบเป็นราคาต่อตารางเมตร โดยอิฐมวลเบาจะมีราคาอยู่ที่ 240 บาท/ตารางเมตร ขณะที่ อิฐมอญจะมีราคาอยู่ที่ 220 บาท/ตารางเมตร แต่หากมองในเรื่องขนาด ก็จะพบว่าอิฐมวลเบามีขนาดใหญ่กว่ามาก โดย ใน 1 ตารางเมตรเท่ากัน จะใช้อิฐมวลเบา 9 ก้อน ในขณะที่ต้องใช้อิฐมอญถึง 120 ก้อน ทำให้อิฐมวลเบาเป็นที่นิยมในการก่อสร้างมากกว่าเนื่องจากสามารถลดแรง และ เวลาได้มากกว่า

ความต่างในโครงสร้างของอิฐสองแบบคือ

1. อิญมอญ เกิดจากการนำ ดินเหนียวทราย ขี้เถ้า และ แกลบ ไปอบ ทำให้มีความต่างจากอิฐมวลเบาในด้าน ความทนทานกว่า ราคาถูกกว่า กันชื้นดีกว่า เจาะยึดได้ดีกว่า
2. อิฐมวลเบา เกิดจากส่วนผสมระหว่าง ทราย ปูนขาว ปูนซีเมนต์ ผงอลูมินัม และยิปซัม โดย 75% ภายในคือฟองอากาศ โดยคุณสมบัติคือ สร้างเร็วกว่า เก็บเสียงได้ดีกว่า 20% และ กันร้อนได้ดีกว่า 8 เท่า เมื่อก่อผนังในความหนาที่เหมาะสม

ข้อดี 6 อย่างของบ้านที่สร้างจากอิฐมวลเบา

อิฐมวลเบาได้จัดอยู่ในผลิตภัณฑ์คอนกรีตชนิดใหม่ ที่มีการผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติซึ่งจะได้แก่ ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ปูนขาว ทราย ยิปซัม น้ำ และ สารกระจายฟองอากาศในส่วนผสมพิเศษในอัตราส่วนที่เป็นสูตรเฉพาะตัว

การผลิตส่วนใหญ่จะเป็นการนำเทคโนโลยี และ เครื่องจักรที่นำเข้าจากต่างประเทศ

1. ไม่อมความร้อน อิฐมวลเบาจะมีลักษณะเป็นรูพรุน ซึ่งจะเป็นคุณสมบัติตรงนี้ช่วยคายความร้อนออก จึงทำให้รักษาอุณหภูมิภายในบ้านได้อย่างดี สามารถช่วยรักษาอุณหภูมิภายในให้มีความเย็นได้ดีกว่า และ ยังได้ช่วยลดค่าไฟจากการใช้เครื่องปรับอากาศลงได้มากกว่า 15 %
2. ประหยัดโครงสร้าง ด้วยขนาด และ น้ำหนักของมวลเบา มีความเบา ไม่เป็นปัญหาต่อการรับน้ำหนักของคาน เสาตอม่อ และ รากฐานทำให้สามารถประหยัดโครงสร้างได้ หรือ ถ้าไม่ลดโครงสร้างก็จะช่วยเพิ่ม SAFETY FACTOR ให้กับตัวอาคารได้ทั้งภายในระยะสั้น และ ระยะยาวของตัวบ้าน
3. ขนาดที่ได้มาตรฐานจากการผลิต เนื่องจาก อิฐมวลเบา จะมีลักษณะ หรือ ขนาดที่ได้มาตรฐานการผลิตกับการใช้งานของพื้นที่จึงได้ถูกออกแบบมาสามารถคำนวณได้ตามพื้นที่ที่ต้องการ และ ยังได้มาตรฐานฉะนั้นทำให้หมดห่วงเรื่องของพื้นที่ช่องว่าง หรือ การก่อผนังได้ไม่เต็มผืนไปได้เลย อีกทั้งขนาดมิติเที่ยงตรงที่ให้มีความแน่นอน ได้ชิ้นงานที่มีความเรียบสวยงามนั้นเอง
4. เก็บเสียงได้เป็นอย่างดี ตรงข้อนี้ผนังที่ก่อจากอิฐมวลเบาจะเก็บเสียงต่าง ๆ ภายในบ้าน และ ช่วยลดทอนเสียงจากภายนอกของบ้านที่เข้ามาในบ้านได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่รบกวนเพื่อนบ้าน และ ยังให้ความเป็นส่วนตัว เนื่องจากโครงสร้างของอิฐมวลเบาจะมีฟองอากาศเป็นจำนวนมากอยู่ภายในทำให้สามารถดูดซับเสียงได้ดี เป็นต้น
5. ปัญหาการแตกร้าวที่น้อย อิฐมวลเบาจะมีขนาด และ มิติที่แน่นอน หรือ จำนวนชิ้นในการก่อผนังต่อตารางเมตรที่น้อยกว่าทำให้สามารถทำงานได้ง่ายกว่า ได้ดิ่งได้ฉากที่ง่ายกว่า หรือ ตัววัสดุจะมีความยืดหดตัวที่น้อยกว่าที่จะทำให้เกิดปัญหาในการแตกร้าวที่น้อย
6. รับแรงกดดันได้เป็นอย่างดี ข้อนี้นับเป็นหัวใจที่สำคัญของบ้านที่ทำจากอิฐมวลเบา เพราะผนังมีความแข็งแรงมากที่เพียงพอ โดยตัวก้อนอิฐมวลเบาเองนั้น สามารถรับน้ำหนักของแรงกดดันได้เป็นอย่างดี เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตจะได้แก่ ปูนซีเมนต์ ทราย ปูนขาว ยิปซัม สาระกระจายฟอง และ เหล็กเส้น จึงจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าอิฐที่ทำมาจากดิน

ข้อดีของมวลเบา 

• อิฐมวลเบานั้นมีการยืดหดตัวน้อย เนื่องจากผ่านการอบไอน้ำมา
• มีน้ำหนักเบาสะดวกต่อการขนย้าย
• ขนาดได้มาตรฐาน
• เป็นที่รู้จักทั่วโลก
• อิฐมวลเบามีมิติ รูปร่างแน่นอน ทำให้ก่อสร้างได้รวดเร็ว
• การปรับแก้งานทำได้สะดวก
• สามารถกันความร้อน กันเสียง และ กันไฟได้นานถึง 4 ชั่วโมง
• อิฐมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างที่คงทนต่อทุกสภาวะอากาศ
• กันปลวก ซ่อมแซมง่าย อิฐมวล
• ผลิต และควบคุมคุณภาพ ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก. 1505-2541

ข้อเสียของมวลเบา

• อิฐมวลเบาสามารถนำไปปรับแต่งได้น้อย เนื่องจากอิฐมวลมีขนาดใหญ่ หากนำไปประยุกต์ทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่ผนังอาจจะทำได้ยาก
• อาจมีปัญหาเรื่องปลวกกินได้ เพราะมวลเบาจะมีส่วนประกอบของยิปซัมซึ่งเป็นอาหารโปรดของปลวก
• ถ้าหากจะต้องแก้ไขผนังบ้านต้องทำการรื้อออกทั้งหมด แล้วค่อยก่อผนังขึ้นมาใหม่
• ด้วยลักษณะของวัสดุที่เป็นรูพรุน ทำให้มวลเบามีการดูดซับน้ำซึ่งจะมีผลต่อความชื้น จึงไม่นิยมนำมาใช้ในงานห้องน้ำ หรือ ห้องครัว
• หากต้องเจาะผนังเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ต้องใช้พุกที่ออกแบบมาเพื่ออิฐมวลเบา เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้ เพราะอิฐมวลเบาผนังอาจแตกร้าวได้มากกว่าอิฐมอญ

ข้อควรระวังในการใช้งาน

• การก่ออิฐมวลเบา ควรที่จะใช้เกรียงหวีที่ออกแบบมาเพื่อสำหรับการใช้ก่ออิฐมวลเบาเท่านั้น และ ให้ใช้ปูนกาวสำหรับอิฐมวลเบาโดยเฉพาะในการก่อผนังเพื่อปูนที่ใช้ก่ออิฐจะได้บางเป็นพิเศษเพียงแค่ 2 – 3 มม. การก่อปูนให้บางมีข้อดีหลายอย่าง นอกจากจะทำให้ปูนกาวจับอิฐมวลเบา และ ผนังบ้านมีความมั่นคงแข็งแรงแล้วยังช่วยให้บ้านเย็นอีกด้วย
• การสร้างฐานสำหรับอิฐมวลเบา คือการปรับระดับฐานที่จะก่ออิฐมวลเบาในชั้นแรกคือสัดส่วนบนของคานที่จะก่ออิฐมวลเบาและคานเมื่อหล่อเสร็จแล้วมักจะไม่เรียบเสมอกัน ถ้าฐานไม่ราบเรียบอิฐก็จะเบี้ยวตามเพราะฉะนั้นจึงต้องปรับฐานเสียก่อนที่จะก่ออิฐ

ปัญหาการแตกร้าวของการก่อมวลเบาที่พบบ่อยเกิดจากอะไร

1.  ก่อไม่ได้ความเยื้องตามมาตรฐานกำหนด การก่อควรให้มีเยื้องไม่น้อยกว่า 15 เซนติเมตร
2.  ป้ายปูนไม่เต็มช่อง ทำให้มีช่องของแสงผ่าน
3. ใช้ปูนก่อปูนฉาบที่ผิดประเภท หรือ ใช้เครื่องมือผิดประเภทเพราะติดความเคยชินจากการก่ออิฐมอญ
4.  ติดเหล็กหนวดกุ้งในทุกช่วงความสูงของอิฐมวลเบาจะช่วยลดรอยแตกร้าวจากการสั่นสะเทือน หรือ การหดและขยายตัวที่เกิดจากการใช้มวลเบาได้
5.  การออกแบบให้โครงสร้างที่รองรับ น้ำหนัก มวลเบาที่ไม่เหมาะสม เช่น สามารถรับกำลังได้ แต่ มีค่าการเสียรูปที่มากจนเกินไป เป็นต้น

ข้อกำหนดการใช้งานของมวลเบา 7 ซม. 20*50

ปูนก่อ ใช้ได้กับปูนก่อยี่ห้อ TPI M310 , อินทรีมอร์ตาร์แมกซ์ ,เสือคู่เขียว,จิงโจ้ม่วงสิงห์ เป็นต้น สามารถผสมน้ำในอัตราส่วนที่กำหนด และนำมาใช้งานได้ทันทีโดยผสมในลักษณะข้นเหลวปลานกลาง แล้วใช้เกรียงก่อสำหรับบล็อคมวลเบาใส่ปูนก่อบาง ๆ เพียง 2 – 3 มิลลิเมตร ปูนก่อบล็อคมวลเบา1ถุง ( 40 – 50 กก.) สามารถก่อได้ 18 – 20 ตารางเมตร

ปูนฉาบ ใช้ได้กับปูนฉาบ ยี่ห้อ TPI M210 , อินทรีมอร์ตาร์แมกซ์,เสือคู่ฟ้า ลูกดิ่งแดง,สิงห์ เป็นต้น สามารถผสมน้ำในอัตราส่วนที่กำหนด และ นำมาใช้งานได้ทันที สามารถฉาบได้ที่ความหนา 1 – 1.5 ซม. กรณีที่มีความหนากว่า 1.5 ซม. ให้ทำการฉาบ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1.5 ซม. ปูนฉาบมวลเบา 1 ถุง ( 40 – 50 กก.) สามารถฉาบได้ 2 – 2.5ตารางเมตร (ที่ความหนา 1 ซม.)

ข้อดีของปูนก่อ-ฉาบ ประหยัดเนื้อที่ในการกองเก็บวัสดุ ผสมและใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็วและประหยัดเนื้อที่ในการทำงานปริมาณการใช้งานน้อยกว่าปูนที่ใช้ก่อ-ฉาบ อิฐมอญ

หาซื้อวัสดุโครงสร้าง หรือสอบถามข้อมูลอื่น ๆ ได้ที่ นายช่างกรุ๊ป

สีหรือปุ๋ยเราก็มีนะ เลือกซื้อสี 

ความรู้วัสดุก่อสร้าง คลิกที่นี่

 

สั่งซื้อสินค้ากับร้านอาณาจักรนายช่าง ได้ที่

LINE : NaichangNetwork

หรือโทร 086-341-9908

กลับไปที่สารบัญ