เหล็กh beam ( H-Beam Steel)
เหล็กh beam (H-BEAM Steel) เป็นเหล็กอีกแบบหนึ่ง ที่เหมาะจะใช้สำหรับงานโครงสร้าง อยู่ในประเภทเหล็กรูปพรรณรีดร้อน (Hot Rolled Structural Steel Sections) มีความสามารถในการต้านทานการดัดโค้ง (Bending resist) และ การบิดตัว (Twisting resist) ทำให้ในงานก่อสร้างส่วนใหญ่มักจะนิยมใช้เหล็กเอชบีมเป็นเสา (Columns) คาน (Beams) และ ตรงพื้น (Bridge Girders) แทนการใช้เสา หรือ คานที่เป็นคอนกรีต
สารบัญ
ลักษณะของ เหล็กh beam ที่มีความสำคัญ คือ
ลักษณะที่มีความเด่น ๆ ของเหล็กเอชบีม ก็คือปีกที่มีความกว้างที่เท่ากัน ลักษณะของเหล็กเอชีบีม จะเป็นรูปตัว ยู ที่มีความคล้ายกับภาษาอังกฤษ ที่จะมีด้านที่ยาว และ กว้างที่เท่า ๆ กัน ได้แก่ 100 * 100 เกรดของเหล็กเอชบีมจะมีตั้งแต่ SS400 , SM520 เป็นต้นนั้นเอง
ซึ่งความยาวของเอชบีม มี หลักๆ ด้วยกัน 3 ขนาด คือ
การแบ่งเกรดของเอชบีม
เอชบีมเป็นเหล็กรูปพรรณที่ได้ได้รับความนิยมใช้งานกันโดยทั่วไป แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะมีตัวเลือกแบบเดียวในตลาด เพราะว่ามีตัวเลือกให้เลือกมากมายในมุมของเกรด และคุณภาพจากการผลิต โดยจะแบ่งเป็น 7 เกรด ประกอบไปด้วย SS400, SS490, SS540, SM400, SM490, SM520, และ SM570
จากตารางข้างต้นจะเห็นว่า SM570 จะมีคุณภาพสูงที่สุด ทั้งค่า Yield point และ ความทนต่อแรงดึง (minimum Elongation %) ที่มากกว่า โดยรองลงมาคือ SM520 SM490 ตามลำดับ
ส่วนประกอบเชิงเคมีของเอชบีม
ส่วนประกอบเชิงเคมีหลัก ๆ ของเอชบีม คือ คาร์บอน, ซิลิคอน, แมงกานีส, ฟอสฟอรัส, ซัลเฟอร์, ทองแดง, นิกเกิล, โครเมียม เป็นต้น โดยแต่ละเกรดนั้นจะมีอัตราส่วนผสมที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละเกรดตามตารางด้านล่าง
ขั้นตอนของการผลิตเหล็กเอชบีม
เหล็กเอชบีม(H-BEAM) คือ เหล็กที่เกิดจากการนำโลหะมาหลอมแล้วหล่อขึ้นรูปเป็นแท่งเหล็ก หลังจากนั้นนำไปรีดในขณะที่ยังร้อนให้มีหน้าตัดคล้ายเป็นรูปตัวอักษรภาษาอังกฤษ “H”ตามการเรียกชื่อว่าเอชบีม (หรือ H-Beam Steel) จัดอยู่ในประเภทของเหล็กรูปพรรณรีดร้อน (Hot Rolled Structural Steel Sections) ตัวรูปแบบของหน้าตัดจะต้องมีปีกแฟรงค์ (Wide Flange) กว้างออกมาจากเอวตรงกลาง โดยข้อสังเกตุคือจะมีความหนาของเหล็กตรงส่วนปีกเท่ากันตลอด โดยจะไม่มีการลบมุมที่ปลายปีก หรือ การปาด เหล็ก เอชบีม ราคา
หลักการนำไปใช้งานของ เหล็ก h beam
การใช้งานของเหล็กเอชบีมเหมาะแก่การใช้งานที่นำมาทำเป็นโครงสร้างเสา คาน และตัวโครงสร้างหลังคา เช่น โรงงาน อาคารสูง ๆ หรือ บ้านพักอาศัย สนามกีฬา ในส่วนของเหล็กเอชบีม ตามมาตรฐาน ASTM (American Society for Testing and Materials) ของประเทศสหรัฐอเมริกาจะเรียกว่าเหล็ก Wide Flange (W-Shape) เหล็ก เอชบีม ราคา
ในส่วนของปัจจุบันนั้นเหล็กเอชบีม ( HB ) รวมไปถึงเหล็กรูปพรรณแบบต่าง ๆ ที่ยังสามารถทำการผลิตได้ในประเทศไทย และ ยังได้รับความนิยมอย่างมากในการนำไปใช้งานก่อสร้าง เพราะเนื่องจากในงานก่อสร้างของโครงสร้างเหล็กนั้น มีความสะดวก และ มีความรวดเร็ว โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องรอให้ตัวเหล็กนั้นมีความแห้งเลย หรือ เซตตัวแตกต่างจากงานคอนกรีต และ ยังสามารถดัดโค้ง (Bending) ได้ เหล็กเอชบีมมีขนาดที่ได้มาตรฐานเนื่องจากกระบวนการผลิตมาจากโรงงาน ISO 24314:2006(en) เป็นในการก่อสร้างด้วยระบบแห้งหน้างานจึงไม่สกปรก และ เลอะเทอะ อีกทั้งยังสามารถนำมาดัดแปลง ต่อเติม และ รื้อถอนได้ง่าย และ ยังสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้หลายครั้งอีกด้วย
สร้างบ้านได้มากกว่า 2 ชั้น เหล็กเอชบีมนั้นมีความสามารถในการรับน้ำหนักที่สูงมาก มีความทนทานสูง แต่อย่างไรก็ดีการสร้างบ้านโดยการใช้เหล็กเอชบีมต้องได้รับการออกแบบจากวิศวกรที่เชี่ยวชาญด้านงานโครงสร้างเพราะว่ามีหลายจุดที่ต้องตรวจสอบความแข็งแรง
หลายๆคนคงสงสัยว่าตัวเหล็กสองชนิดนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร จริง ๆ แล้วเหล็กสองหน้าตัดนี้มีความแตกต่างกันอยู่สองด้านคือ
1.ด้านการนำเหล็กเอชบีมไปใช้งาน
โดยส่วนใหญ่จะนำเหล็กชนิดนี้ไปใช้ในงานก่อสร้าง ทำเป็นชิ้นส่วนของคาน เสา หรือโครงหลังคา เอชบีมมีขนาดของหน้าตัดเหล็กให้เลือกอย่างหลากหลาย โดยมีตั้งแต่ เอชบีม ขนาด 100*50 มม. จนถึง ขนาดที่ใหญ่สุด เอชบีม ขนาด 900*300 มม. ทำให้เหล็กเอชบีมถูกเลือกไปใช้ในงานที่มีความหลากหลาย ทั้งในงานทำโครงหลังคา โครงสร้างอาคาร โครงสร้างโรงงาน หรือ ในโครงการขนาดใหญ่เป็นต้น เช่น โรงจอดเครื่องบิน ส่วนตัวเหล็กไอบีม จะนิยมนำไปทำรางเครน ที่ใช้ยกของที่มีน้ำหนักมากตัวเหล็กไอบีมนี้ ถูกผลิตขึ้นมากในการใช้งานที่เฉพาะส่วนมากกว่า เช่น พวกรางเลื่อนของเครนในโรงงานอุตสาหกรรม เพราะในส่วนของความหนาของปีกที่ยื่นออกมามาก และ มีลักษณะที่เรียวตรงส่วนปลายไม่เหมือนเหล็กเอชบีมที่มีความหนาของปีกเท่ากันตลอด ส่งผลให้เหล็กไอบีมจะสามารถรับแรงกระแทกได้ดีกว่า แต่ก็จะมีน้ำหนักมากกว่าเหล็กเอชบีม ในขณะหน้าตัดเท่ากัน เช่น
- H 300x150x6.5x9mm. น้ำหนัก 7 กก./ม.
- I 300x150x8x13mm. น้ำหนัก 3 กก./ม.
ซึ่งจะเห็นได้ว่า I-Beam มีน้ำหนักมากกว่าถึง 32% ที่ขนาดใกล้เคียงกัน
- ด้านลักษณะรูปร่าง
ความแตกต่างของเหล็กทั้ง 2 หน้าตัด คือ มีปีก ทั้งบน และ ล่างของเหล็ก เอชบีม สักเกตุได้จะเป็นแผ่นเรียบหนาเท่ากันตลอด ในส่วนของเหล็กไอบีม I-beam ทั้งปีกบน และล่างสังเกตุได้จะเป็นแผ่นเอียง หรือ Taper Flange ซึ่งมีขนาดหน้าตัดเหล็กที่เท่ากัน I-beam และ จะมีน้ำหนักต่อเมตรสูงกว่า เหล็กเอชบีมเนื่องจากเหล็กไอบีมจะมีส่วนความหนาของเหล็กมากกว่าเพื่อทำการรองรับแรงกระแทก และ การเคลื่อนตัวจากรางเครน
หาซื้อวัสดุโครงสร้าง หรือสอบถามข้อมูลอื่น ๆ ได้ที่ อาณาจักรนายช่าง
สีหรือปุ๋ยเราก็มีนะ เลือกซื้อสี
ความรู้วัสดุก่อสร้าง คลิกที่นี่
https://www.facebook.com/Anajaknaichang