ราคาเหล็กเส้น

ราคาเหล็กเส้น ในปัจจุบันนั้น มีการเปลี่ยนแปลงปรับราคาเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก ตัวอย่าง เหล็กเส้น 6 มม. จะตกเส้นละประมาณ 20 กว่าบาท แต่ในปัจจุบันนั้น เหล็กเส้น 6 มม. จะตกเส้นละประมาณ 60 กว่าบาท ซึ่งราคาพวกนี้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยพวกนี้คือ ประเภท ขนาด และ จำนวนเหล็กที่เราได้เลือกใช้ด้วยนั้นเอง แต่ถ้าหากงานก่อสร้างที่ใช้งานเหล็กเส้นเป็นบ้านของตัวเอง แนะนำให้ใช้เหล็กเส้น 6 มม. SR เนื่องจากเป็นบ้านของตัวเองไม่จำเป็นที่จะต้องประหยัดงบประมาณเท่าไหร่ และ ยังได้เหล็กที่มีคุณภาพนำมาใช้งานดีกว่าที่จะต้องมานั่งซ่อมแซมในภายหลังถ้าหากบ้านเกิดร้าวขึ้นมา

ราคาแนวโน้มของ ราคาเหล็กเส้น ในอนาคตจะประมาณกี่บาท

สำหรับเหล็กเส้น ถ้าหากจะบอกว่าให้จับตามองเป็นเดือน ๆ ไป หรือ ใครที่จะปลูกบ้าน หรือ ทำการต่อเติมงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เยอะมาก สามารถที่จะตัดสิ้นใจซื้อเหล็กเส้นเต็มโรงใหญ่ได้เลย และ ถ้าเราจะปลูกบ้านใหม่สัก 1 หลัง ให้แนะนำว่าเช็คราคาหลาย ๆ ร้าน หรือ สอบถามไปยังโรงงานผลิตเหล็กเส้นก่อนที่จะมีการตัดสิ้นใจซื้อนั่นเอง ถ้าหากทางพี่ ๆ ผู้รับเหมาะก่อสร้างอยากซื้อในราคาที่ถูก และ ปริมาณที่มีความเหมาะสม ให้ทางจัดซื้อเช็คราคาของเหล็กบ่อย ๆ ขอแนะนำให้มีการเช็คสินค้าทุกเดือนสำหรับช่างที่รับเหมา แต่ถ้าอยากรู้ราคาที่แน่นอนแล้วควรที่จะมีการเช็คสินค้าเป็นรายอาทิตย์น่าจะมีความชัวร์กว่าครับ

***ราคาเหล็กยังมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง***

ราคาเหล็กเส้น
ราคาเหล็กเส้น

สารบัญ

สอบถามราคาเหล็กเส้นได้เลย เหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อย

เหล็กส่วนใหญ่ที่ใช้ในงานคอนกรีต จะมี 2 ประเภท คือ เหล็กข้ออ้อย(DB)เหล็กเส้นกลม(RB) หน้าตัดของเหล็กเส้นกลมจะขนาดมีตั้งแต่ 6-18 มม. และ เหล็กข้ออ้อยหน้าตัดของเหล็กข้ออ้อยจะมีตั้งแต่ 10-32 มม.ส่วนมากโดยทั่วไปเหล้กข้ออ้อยนั้นจะนำมาใช้เป็นโครงสร้างหลัก และ เหล็กเส้นกลมนิยมาทำเป็นปลอกรัดรอบโครงสร้างหลัก เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้าง โดยทั่วไปการใช้เหล็กข้ออ้อยกับเส้นกลมนั้นจะใช้คู่กับคอนกรีต เพื่อนำไปเสริมเหล็ก มักนิยมเรียกว่า ค.ส.ล. การสังเกตการณ์ใช้งานของเหล็ก แนวเสาตั้งตลอดแนว จะใช้เหล็กยืนเป็นเหล็กข้ออ้อย และ รัดรอบ ๆ ด้วยเหล็กเส้นกลมเป็นระยะ ๆ แนวนอนกับแนวตั้งทำเหมือน ๆ กัน

เหล็กเสริม (reinforcement)

เหล็กเสริมจะมีรูปร่างที่เป็นแบบเส้น และ แบบท่อน หรือ แบบตะแกรงฝังใน ส่วนมากเหล็กเสริมจะมีหน้าที่เอาไปเสริมคอนกรีตทำให้โครงสร้างเกิดความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น และ ยังต้านทานต่อแรงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับคอนกรีต

โดยทั่วไปรู้กันอยู่แล้วว่าคุณสมบัติของคอนกรีตสามารถรับแรงอัดได้สูง แต่ค่อด้อยคือจะเปราะบาง และ ไม่สามารถรับแรงดึงได้ จึงมีการเอาเหล็กเข้ามาเสริมในคอนกรีจเพื่อรับแรงอัดและแรงดึง จะได้มีประสิทธิ์ภาพในการยึดหดตัวเท่า ๆ กับคอนกรีตที่มาใช้รวมกัน ทั้งนี้วัสดุระหว่างเหล็กและคอนกรีตจะมีการเกื้อหนุนกันช่วยกันรับ และ ถ่ายแรงถึงได้นำมาออกแบบเพราะจะสามารถทำให้โคตรสร้างแข็งแรงขึ้น

บทบาทของเหล็กจะทำหน้าที่โดยการรับแรงดึงจะมีการพิจารณาความสามารถในการรับแรง ส่วนการรับแรงอัดนั้นเป็นหน้าที่ของคอนกรีต คอนกรีตที่ใช้เหล็กเสริม ที่คนนิยมทั่วไปเรียกกันว่าคอนกรีตเสริมเหล็กการเสริมเหล็ก ที่คอม้า หรือ เหล็กปลอก เป็นจุดที่เกิดแรงเฉือน จะสามารถรับแรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ดี และ เพิ่มความแข็งแรงด้วยนั่นเอง ช่วยสามารถป้องกันการพังของโครงสร้าง และ อันตรายที่เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้การเสริมเหล็ก ยังช่วยลดขนาดของเสาคานลงได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความแข็งแรง และ เหล็กจะถูกดัดงอตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน

วิศวกรจะเป็นผู้ออกแบบงานก่อสร้างทั้งหมด ทั้งการกำหนด ชนิด ปริมาณ และ การวางตำแหน่งของเหล็กเสริม สำหรับงานคอนกรีตเสริมเหล็ก ผู้ที่ก่อสร้างจะต้องทำตามมาตราฐานที่วิศวกรกำหนดมาห้ามมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โดยไม่ได้รับความยินยอมของวิศวกรผู้ออกแบบ หากไม่ทำตามที่กำหนดไว้โครงสร้างอาจจะมีการผิดเพี้ยนได้ หรือ ก่อให้เกิดการสูญเสียกับชีวิต และ ทรัพย์สินได้

เหล็กเส้นกลม (RB)

เหล็กเส้นกลม จะเป็นทั้งเหล็กที่มีพื้นที่ในการตัดขวางเป็นวงกลม จะมีผิวเรียบเนียนซึ่งจะไม่เหมือนกับเหล็กข้ออ้อย จะทำมาจากเหล็กเส้นใหญ่ เหล็กแท่ง หรือ เหล็กแท่งหล่อ ซึ่งจะมีลักษณะเป็นเส้นกลมตามมาตรฐาน มอก.  โดยทำการนำไปรีดร้อนโดยไม่ผ่านการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อย่างอื่นมาก่อน มีความยาว มาตรฐาน 10 หรือ 12 เมตร และขนาด 9, 12, 15, 19, 22, 25, 28 และ 34 มม. โดยชั้นคุณภาพจะใช้สัญลักษณ์ SR24 แล้วต่อด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็กเส้น

เหล็กทุกเส้นที่ผลิตจะต้องมีชื่อขนาดหล่อเป็นตัวนูนติดกับผิวเหล็ก ทุกเส้นจะต้องมีชื่อ และ เครื่องหมายการค้าของผู้ผลิต ชื่อที่ติดอยู่กับเครื่องหมายการค้าต้องห่างกันขนาดไม่น้อยกว่า 50 มม. ตามมาตตราฐานของเหล็กเส้นกลมทุกเว้นจะมีอักษรย่อติดอยู่ว่า บสส.ตราช้าง หรือ RB12 เป็นตัวนูนขึ้นมาติดกับผิวเหล็กทุกเส้นใช้กับงานก่อสร้างขนาดกลางและขนาดเล็กจะนิยมใช้เหล็กเส้นชนิดนี้มากที่สุด

เหล็กรีดซ้ำ                                                

เหล็กที่เป็นที่รู้จักอีกชนิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้กับงานก่อสร้างขนาดกลาง และ ก็ขนาดเล็ก คือ เหล็กรีดซ้ำ ตามมาตรฐาน มอก.เหล็กเส้นกลมชนิดนี้ ผลิตจากเศษเหล็กที่ได้มาจากเข็มพืด เหล็กโครงสร้าง เหล็กแผ่นต่อเรือ หรือ เหล็กที่ทำการคัดออกจากช่วงเวลาการผลิตต่าง ๆ โดยการนำเอาเหล็กพวกนี้มารีดเป็นเส้นกลมโดยผ่านกรรมวิธีรีดร้อน ขนาดที่นิยมใช้ทั่วไปมีขนาด ขนาด 6, 8, 9, 10, 12 และ 15 ม.ม. ความยาว 10 หรือ 12 เมตร มีชั้นคุณภาพเดียว ใช้สัญลักษณ์แทนด้วย SRR 24 จะใช้ชื่อย่อด้วย R แล้วต่อด้วยขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็กเส้น เหล็กทุกเส้นที่ผลิตจะต้องมีชื่อขนาดหล่อเป็นตัวนูนติดกับผิวเหล็ก ทุกเส้นจะต้องมีชื่อ และ เครื่องหมายการค้าของผู้ผลิต ชื่อที่ติดอยู่กับเครื่องหมายการค้า

เหล็กข้ออ้อย (DB)

ลักษณะของเหล็กข้ออ้อยจะสังเกตง่ายๆคือผิวไม่เรียบเนียน ตัวเหล็กเส้นหน้าตัดเป็นรูปวงกลม จะมีคล้ายๆกับครีบที่ผิว หรือ บั้ง เพื่อจะทำให้เวลาเทคอนกรีตเสริมเหล็กเข้าไปจะมีกำลังยึดเพิ่มขึ้น เหล็กข้ออ้อยตามมาตราฐาน มอก. ทำจากเหล็กประเภทเดียวกัน กรรมวิธีการผลิตเหมือนกับเหล็กเส้นกลม ขนาดที่นิยมใช้ทั่วไปมีขนาด ขนาด 10, 12, 16, 20, 22,25,28 และ 32 ม.ม. ความยาว 10 หรือ 12 เมตร มี3ชั้นคุณภาพใช้อักษรย่อแทนด้วย SD30, SD 40 และ SD 50 ชื่อขนาดใช้ตัวย่อDB แล้วจามด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางของเหล็กนั้นๆเหล็กเส้น เหล็กทุกเส้นที่ผลิตจะต้องมีชื่อขนาดหล่อเป็นตัวนูนติดกับผิวเหล็ก ทุกเส้นจะต้องมีชื่อ และ เครื่องหมายการค้าของผู้ผลิต ชื่อที่ติดอยู่กับเครื่องหมายการค้า เหล็กเส้นชนิดนี้จะมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างเหล็กกับคอนกรีต ได้ดีกว่าเหล็กสองแบบแรก งานก่อสร้างที่ต้องการความแข็งพิเศษจึงนิยมนำเหล็กข้ออ้อยไปใช้งาน

 เหล็กเส้นมีหน้าที่

โดยทั่วไปแล้วหน้าที่ของเหล็กเส้นจะเป็นเป็นเหล็กที่ไว้ใช้สำหรับรองรับแรงกดของโครงสร้าง โดยเหล็กเส้นแต่ละตัวก็จะมีค่ารองรับแรงกดได้ไม่เท่ากัน เช่น

โดยทั่วไปแล้วหน้าที่ของเหล็กเส้นมีไว้สำหรับรองรับแรงกด หรือ น้ำหนักของโครงสร้าง โดยเหล็กแต่ละตัวมีการรองรับแรงกดไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น

นอกจากหน้าที่ของเหล็กเส้นจะมีการรองรับแรงกดแล้ว ยังช่วยทำให้อาคารมั่นคง และแข็งแรงมากขึ้น และ ยังช่วยยึดเหนี่ยวปูน

การตรวจสอบเหล็กที่มีคุณภาพ

เหล็กทุกเส้นที่ผลิตจะต้องมีชื่อขนาดหล่อเป็นตัวนูนติดกับผิวเหล็ก ทุกเส้นจะต้องมีชื่อ และ เครื่องหมายการค้าของผู้ผลิต ชื่อที่ติดอยู่กับเครื่องหมายการค้า เมื่อมีการผลิตเหล็กเส้นออกจำหน่าย ผู้ผลิตจะต้องติดป้ายเหล็กเพื่อบอกรายละเอียดที่เป็นข้อมูลสำคัญ ได้แก่

* ชั้นคุณภาพ

* บริษัทผู้ผลิต ประเภทสินค้า

* ขนาด

* ความยาว

* วันเวลาที่ผลิต

* เครื่องหมายมอก

สั่งซื้อกับร้านอาณาจักรนายช่าง ได้ที่

LINE : NaichangNetwork

หรือโทร 086-341-9908 , 086-341-9902

กลับไปที่สารบัญ