ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์

ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ได้ถูกจัดว่าเป็นวัสดุก่อสร้างที่สำคัญอย่างมากสำหรับในวงการก่อสร้าง อีกทั้งยังเป็นวัสดุที่มีราคาไม่แพง และยังนำมาใช้งานได้ง่าย สามารถปรับเปลี่ยนลักษณะรูปร่างได้ตามที่เราต้องการ นอกจากนั้นแล้วยังสามารถหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งปูนซีเมนต์ นั้นได้เกิดจากการคิดค้นในรูปแบบร่างๆของคนเราที่ต้องการวัสดุที่จะมาช่วยให้งานก่อสร้างนั้นง่ายขึ้น แต่ปูนซีเมนต์ มีให้เลือกมากมายหลากหลายชนิด ซึ่งมีความแตกต่างกันตามการใช้งาน ดังนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในวงการก่อสร้าง ควรมีความรู้เรื่องของ ปูนซีเมนต์ แต่ละประเภทเหมาะกับงานประเภทใดๆ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

ลักษณะปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์มีอะไรบ้าง

  • จะมีลักษณะเป็นแบบผงละเอียด สีเทาอ่อน การใช้งานต้องใช้น้ำเป็นส่วนผสมที่อยู่ในปริมาณที่มีความเหมาะสม หลังจากนั้นทิ้งให้แห้งถึงจะทำให้เกิดการแข็งตัว ดังนั้นจึงเป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมใช้ในงานก่อสร้างอย่างแพร่หลาย

ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์

ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์นั้นประกอบไปด้วย 5 ประเภท ดังนี้

ประเภทที่ 1 คือ ปูนซีเมนต์ ปอร์ตแลนด์ธรรมดา ที่ได้ถูกนำไปใช้งานกับคอนกรีตเสริมเหล็กในการทำโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ สะพาน ถนน ท่อระบายน้ำ นอกจากนี้ยังหากพูดถึงข้อเสียของปูนซีเมนต์ชนิดนี้นั้นก็คือ ไม่มีความคงทนต่อสารเคมี ที่เป็นด่างจากน้ำและดิน ได้แก่ โรงงานอุตสหกรรมผลิตสารเคมี

ประเภทที่ 2 คือ ปูนซีเมนต์ ปอร์ตแลนด์ดัดแปลง หากนำปูนชนิดนี้มาผสมกับน้ำอาจจะทำให้เกิดการคายความร้อนออกมาในปริมาณน้อยกว่าประเภทธรรมดา และมีความทนทานต่อความเป็นด่างในระดับนึง เหมาะสำหรับการก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น การทำเขื่อนเก็บน้ำ กำแพงกันดิน และสะพานท่าเรือ เป็นต้น

ประเภทที่ 3 คือ ปูนซีเมนต์ ปอร์ตแลนด์ประเภทให้กำลังอัดสูงเร็ว ปูนประเภทนี้จะมีความละเอียดอย่างมาก ส่งผลให้เกิดการแข็งตัว และรับแรงได้เร็วกว่าปูนซีเมนต์ประเภทที่ 1 จึงได้เป็นที่นิยมในการนำไปใช้งานที่ต้องการความรวดรเร็ว เร่งด่วนและคล่องตัว

ประเภทที่ 4 คือ ปูนซีเมนต์ ปอร์ตแลนด์ประเภทเกิดความร้อนต่ำ ปูนชนิดนี้จะเหมาะกับงานที่ต้องการคุมทั้งความร้อน และปริมาณที่เกิดขึ้นให้ได้อย่างน้อยที่สุด การเกิดกำลังของคอนกรีตที่มีส่วนประกอบของปูนซีเมนต์ประเภทที่ 4 จะเป็นไปอย่างช้าๆ เหมาะกับงานก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ ได้แก่ เขื่อนกันน้ำ เพราะสามารถทนทานต่อการแตกร้าวจากความร้อนได้อย่างมาก

ประเภทที่ 5 คือ ปูนซีเมนต์ ปอร์ตแลนด์ประเภททนซัลเฟตสูง เหมาะกับงานนำไปใช้ในงานก่อสร้างที่ต้องสัมผัสกับบริเวณที่มีด่างสูง ได้แก่ ดิน หรือ ทะเล เพราะมีคุณสมบัติในการต้านทานต่อสารที่เป็นด่างได้ดี ระยะในการแข็งตัวของปูนซีเมนต์ประเภทนี้อาจจะมีความช้าที่สุด

ประเภทที่ 6 คือ ปูนซีเมนต์แบบผสม หรือ ปูนซีเมนต์ซิลิก้า เป็นปูนซีเมนต์ที่เกิดมาจากการนำเอาทราย หรือ หินปูน มาบดให้ละเอียดแล้วนำไปผสมเข้ากับ ปูนปอร์ตแลนด์ ในอัตราส่วนที่ 1 ต่อ 4 จึงทำให้เกิดการแข็งตัวช้า เหมาะกับงาน ก่อ ฉาบ หรือ ตกแต่ง งานโครงสร้างที่มีขนาดเล็กที่ไม่ต้องรับแรงมาก หรือ โครงสร้างทั่วๆไป

ประเภทที่ 7 คือ ปูนซีเมนต์ ปอร์ตแลนด์ชนิดแบบสีขาว เป็นปูนซีเมนต์ที่เหมาะกับการใช้ในงานตกแต่ง เนื้อปูนออกเป็นสีขาว จึงทำให้สามารถผสมสีเข้าไปได้ เพื่อความสวยงาม แต่เนื้อปูนเกิดการแข็งตัวที่ค่อนข้างจะช้า

นอกจากนี้ยังมีปูนซีเมนต์ประเภทอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นที่รู้จัก นั่นก็คือ ปูนซีเมนต์แบบผสม ที่เหมาะกับการนำไปใช้งานก่อ ฉาบ หรืองานก่อสร้างทั่วไปที่ไม่ต้องรับน้ำหนักมาก และปูนซีเมนต์ขาว ซึ่งเป็นที่นิยมใช้สำหรับงานตกแต่งอาคารเพื่อความสวยงาม และยังสามารถนำไปผสมกับเม็ดสีเพื่อทำเป็นปูนซีเมนต์สีต่างๆ ได้อีกด้วย แล้วเรายังสามารถจำแนกประเภทของการใช้งานได้โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ คือ

  1. ปูนซีเมนต์สำหรับงานของโครงสร้าง
  • งานก่อสร้างบ้านใหม่ หรืออาคารทั่วไป คือ ปูนซีเมนต์ ปอร์ตแลนด์ธรรมดา
  • งานก่อสร้างแบบเร่งด่วน หรือซ่อมแซม คือ ปูนซีเมนต์ ปอร์ตแลนด์ชนิดแข็งตัวเร็ว
  • บ้าน หรือ อาคารที่อยู่ใกล้กับทะเล คือ ปูนซีเมนต์ ปอร์ตแลนด์ชนิดต้านทานซัลเฟตได้สูง เพื่อไม่ให้เกลือในทะเลทำลายซัลเฟลในเนื้อคอนกรีต
  • งานก่อสร้างที่ต้องสัมผัสกับดิน และ น้ำ ได้แก่ ตอม่อ ฐานราก คือ ปูนซีเมนต์ ปอร์ตแลนด์ดัดแปลง
  • งานโครงสร้างขนาดใหญ่ ได้แก่ เขื่อน คือ ปูนซีเมนต์ ปอร์ตแลนด์ชนิดเกิดความร้อนต่ำ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากความร้อนของปฏิกิริยาของคอนกรีต
  1. ปูนซีเมนต์สำหรับงานก่อ ฉาบ
  • งานก่อ คือ ปูนซีเมนต์แบบผสม
  • งานฉาบ คือ ปูนซีเมนต์แบบผสม
  1. ปูนซีเมนต์สำหรับงานแบบพิเศษ
  • งานตกแต่งต่างๆ คือ ปูนซีเมนต์ ปอร์ตแลนด์ชนิดสีขาว

ความแตกต่างระหว่าง ปูนซีเมนต์ฉาบ,ก่อทั่วๆไป กับ ปูนมอร์ตาร์

  • ปูนซีเมนต์ฉาบ,ก่อทั่วๆไป ก็คือ คุณสมบัติที่มีความเหนียวลื่น ทำให้ยึดเกาะอิฐและผนังได้ดี มีความแห้งตัวตามความเหมาะสม ไม่มีความยืดและการหดตัวที่มาก และยังช่วยลดการแตกร้าวของผิวหนังได้ดี ยังให้กำลังที่ต่ำกว่าซีเมนต์ปอร์ตแลนด์แบบธรรมดา เหมาะกับงานก่ออิฐ ฉาบปูน เทปรับระดับพื้นก่อนที่จะทำการติดตั้งวัสดุปิดผิวนั่นเอง และยังรวมไปถึงงานคอนกรีตโครงสร้างขนาดเล็ก ได้แก่ ตอม่อ เสา คาน พื้น ของบ้านชั้นเดียว หรือลานวัด อีกด้วย นอกจากงานสร้างภายนอก หรืองานกลางแจ้ง ปูนซีเมนต์นั้นยังสามารถนำมาสร้างงานปูนปั้นได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นงานบัวปั้น บัวอ่าง การนำปูนทั่วไปหรือปูนซีเมนต์ผสมนี้ไปใช้งาน จะต้องนำไปผสมกับส่วนผสมต่างๆ ก็คือ ทราย กับ น้ำ ในสัดส่วนที่มีความเหมาะสมในแต่ละงานก่อนถึงจะนำไปใช้งานได้

ข้อสำคัญสำหรับการเลือกใช้ปูนทั่วไป หรือปูนซีเมนต์ผสมจะมีเรื่องของส่วนผสมที่จะต้องทำการควบคุมให้ได้ปริมาณตามคุณภาพมาตรฐาน และมีสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของขนาดเม็ดทราย ความสะอาดของทรายที่จะนำมาผสม ก็ไม่ควรมีส่วนผุกร่อน หรือวัชพืชมาปะปน ไม่มีสารอินทรีย์ ไม่มีสารเคมีเจือปน ไม่มีสภาพที่เป็นกรด หรือด่าง และเกลือที่ปะปนอยู่ น้ำที่นำมาใช้ผสมต้องมีความสะอาดถึงจะควบคุมได้

  • ปูนสำเร็จรูป หรือที่เรานิยมเรียกกันว่าปูนมอร์ตาร์สำเร็จรูป จะเป็นปูนที่มีส่วนผสมของ ซีเมนต์ หินบดละเอียด และสารที่พิเศษ โดยจะมีการควบคุมสัดส่วนในการผสม และมีคุณภาพของวัตถุดิบให้มีความสม่ำเสมอและสะดวกต่อการใช้งาน เพียงแค่นำมาฉีกถุงผสมกับน้ำก็สามารถนำมาใช้งานได้เลยทันที โดยไม่ต้องมาผสมทรายหรือสารเคมี่มาเพิ่มเติมเลย แต่ไม่สามารถนำไปใช้งานอย่างอื่นได้ เช่น ปูนสำเร็จรูปสำหรับงานก่อทั่วๆไป จะใช้สำหรับงานก่อผนังอย่างเดียว ไม่สามารถนำมาฉาบผนังได้ นั่นเอง

หลักการคำนวณการขนส่งปูน

  • ปูนซีเมนต์ 40 ถุง จะหนักประมาณ 2 ตัน สามารถจัดส่งได้ด้วยรถคันเล็ก ซึ่งจะมีความคล่องตัวในการจัดส่ง เข้าหน้างานได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องกังวลเรื่องที่เก็บได้ปูนซีเมนต์ที่ใหม่อยู่เสมอ แต่ละมีราคาต่อหน่วยที่มีขนาดสูง
  • ปูนซีเมนต์ 200 ถุง จะหนักประมาณ 10 ตัน สามารถจัดส่งได้ด้วยรถที่มีขนาดเล็ก – ขนาดกลาง สามารถเข้าตามตรอกซอยได้ เหมาะกับงานที่มีคนงานจำนวนมากๆ ราคาต่อหน่วยจะมีราคาที่ค่อนข้างจะกลางๆ
  • ปูนซีเมนต์ 340 ถุง จะหนักประมาณ 17 ตัน สามารถใช้รถบรรทุกขนาดกลางในการขนส่ง เหมาะสมกับหน้างานที่ติดกับถนนใหญ่ ราคาต่อหน่วยก็จะยิ่งถูกลง
  • ปูนซีเมนต์ 600 ถุง จะหนักประมาณ 30 ตัน ต้องใช้รถที่มีขนาดใหญ่ในการบรรทุก เหมาะสมกับหน้างานที่มีขนาดใหญ่ และจำเป็นต้องใช้เครนเวลาขนลงเพื่อความสะดวก ราคาต่อหน่วยก็จะถูกลงมากๆ

https://www.facebook.com/Anajaknaichang