ติดตั้งถังเก็บน้ำอย่างไรให้ช่วยประหยัดค่าน้ำ

1. เลือกแหล่งน้ำเข้าถังให้เหมาะสม เพื่อประหยัดค่าน้ำจริง ๆ ต้องพิจารณาแหล่งน้ำที่ “ไม่เสียเงิน” เป็นหลัก เช่น :

• น้ำฝน (ดีที่สุด)
  ติดตั้งรางน้ำบนหลังคาต่อท่อลงถังเก็บน้ำ
  ใส่ “ตะแกรงกรอง” กันใบไม้/ฝุ่น
  ติดตั้ง first flush diverter เพื่อระบายฝนแรกที่สกปรกออกก่อน
• น้ำประปา (ใช้เป็นสำรอง)
  ติดตั้งลูกลอยในถัง ให้เติมน้ำประปาเฉพาะเวลาที่ไม่มีน้ำฝน
  ควบคุมการไหลด้วยบอลวาล์ว หรือ โซลินอยด์วาล์วตั้งเวลาได้

2. แยก “ระบบน้ำใช้ทั่วไป” กับ “น้ำอุปโภค” อย่าใช้น้ำสะอาดราคาแพงกับงานที่ไม่จำเป็น เช่น :

ยิ่งแยกการใช้งานได้ชัด ยิ่งลดค่าน้ำได้มาก

3. ขนาดถังที่เหมาะสม

• ขึ้นกับจำนวนผู้อยู่อาศัย และปริมาณฝน/พื้นที่หลังคา
• โดยทั่วไป บ้าน 1 – 2 คน = 500 – 1000 ลิตร
                 บ้าน 3 – 5 คน = 1000 – 2000 ลิตร
  ถ้ารับน้ำฝนจากหลังคา = คิด 1 ตร.ม. รับน้ำฝนได้  1 ลิตร ต่อฝนตก 1 มม.

ถังขนาดใหญ่ขึ้น = เก็บน้ำฝนได้มากขึ้น = ประหยัดมากขึ้น (ถ้ามีพื้นที่พอ)

4. วางถังให้ถูกต้อง

• พื้นต้อง “รับน้ำหนัก” ได้ (น้ำหนักถังเต็มน้ำ = หลายร้อยกิโลกรัม)
• ต้องมีทางน้ำไหลเข้าและไหลล้นได้สะดวก
• ติดตั้งในร่มหรือคลุมถังเพื่อลดการเกิดตะไคร่

5. ติดตั้งระบบปั๊มน้ำ / ก๊อก / ท่อให้เหมาะสม

• ถ้ามีแรงดันน้ำไม่พอใช้ปั๊มน้ำดูดจากถัง
• ใช้ท่อแยกจากถังไปเฉพาะจุดที่ใช้ “น้ำฟรี” เช่น ก๊อกสวน ล้างรถ
• ติดตั้งก๊อกแยกจากระบบหลักของบ้าน

6. การดูแลรักษา

• ทำความสะอาดถังทุก 6 – 12 เดือน
• ล้างรางน้ำ และ ท่อรับน้ำฝนสม่ำเสมอ
• ตรวจเช็กระบบลูกลอยและวาล์วปิด – เปิดอัตโนมัติ

เสริมระบบ “ตรวจวัดการใช้น้ำ”

• ติดมิเตอร์น้ำย่อยเพื่อแยกปริมาณใช้น้ำจากถังกับจากประปา
• หรือใช้ Smart Water Meter เช็กปริมาณการประหยัดจริง