การเตรียมพื้นผิว บริเวณผนัง และ พื้น ก่อนปูกระเบื้อง
- พื้นที่ไม่เรียบต้องปรับระดับ ความลาดเอียงที่ต้องการเพื่อให้ความหนาของกาวซีเมนต์มีความสม่ำเสมอ
- ทำความสะอาด ให้ไม่มีฝุ่น น้ำยาบ่มคอนกรีต เศษปูน พื้นผิวที่มีรูพรุนมาก สาดน้ำให้เปียกเพื่อให้พื้นผิวดูดน้ำจนอิ่มตัวก่อน
เทคนิคการปูกระเบื้อง
- ป้ายกาวซีเมนต์บางส่วนลงบนพื้นด้วยเกรียงใบโพธิ์หรือเกรียงหวี และใช้เกรียงหวีปาดกาวซีเมนต์ให้เป็นทางยาวบนพื้นผิวประมาณ 1 ถึง 2 ตร.ม แล้วเกลี่ยให้ทั่วความหนาตามร่องของร่องเกรียงหวีที่ใช้เพื่อเป็นการควบคุมปริมาณกาวซีเมนต์ที่ใช้ให้สม่ำเสมอ
- ในกรณีปูกระเบื้องขนาดใหญ่กว่า 25*25 ซม. ( 10*10 นิ้ว) ควรปาดกาวซีเมนต์ลงบนหลังกระเบื้องให้ทั่วเล็กน้อย เพื่อให้แน่นใจว่าได้ปาดกาวซีเมนต์ลงบนพื้นผิวอย่างทั่วถึง และไม่มีช่องอากาศว่างเหลืออยู่เมื่อปูกระเบื้องเสร็จ
- ปูกระเบื้องลงบนกาวซีเมนต์ และกดให้แน่น หรือใช้ค้อนยางเคาะบนกระเบื้องให้ทั่วเพื่อให้ร่องของกาวซีเมนต์ที่แผ่นกระเบื้องกดทับประสานกันอย่างทั่วถึง เว้นช่องว่างระหว่างกระเบื้องแต่ละแผ่น เพื่อให้เป็นร่องยาแนว ( อย่างน้อย 2 มม. )
- หากต้องการจัด หรือปรับตำแหน่งของกระเบื้องเมื่อปูเสร็จแล้ว ด้วยกาวซีเมนต์ สามารถปรับตกแต่งกระเบื้องแต่ละแผ่น ภายใน 15 ถึง 20 นาที ก่อนที่กาวซีเมนต์จะแห้งสนิท
- ทิ้งให้กาวซีเมนต์แห้งประมาณ 24 ชม. ก่อนการยาแนว
ข้อแนะนำสำหรับการปูกระเบื้อง
- ควรหลีกเลี่ยงการป้ายกาวซีเมนต์ใต้แผ่นหลังเป็นจุดๆ ( ซาลาเปา ) เนื่องจากจะทำให้มีช่องอากาศระหว่างแผ่นกระเบื้องกับพื้นผิวช่องอากาศใต้พื้นกระเบื้องมีผลทำให้กระเบื้องแตก และน้ำสามารถไหลซึมเข้าไปได้ง่าย
- ควรหลีกเลี่ยงการใช้กาวซีเมนต์ เมื่อมีแสงแดดโดยตรง หรือพื้นผิวที่ร้อนจัด
ข้อแนะนำสำหรับการยาแนว
- การรักษาเส้นยาแนวให้เป็นเส้นตรง ควรใช้พลาสติกเป็นรูปกากบาท ( spacer ) คั่นระหว่างแผ่นกระเบื้องขนาดความกว้างของพลาสติกที่ใช้ ( กากบาท ) คือความกว้างของร่องยาแนว
- เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำเข้าใต้แผ่นกระเบื้อง และป้องกันการเสียดสีของแผ่นกระเบื้อง ขณะที่มีการสัญจรบนพื้นผิว ควรเว้นร่องยาแนวอย่างน้อย 1.5 มม. สำหรับงานผนัง และอย่างน้อย 3 – 20 มม.สำหรับงานพื้น
- หลังจากยาแนวแล้วเสร็จควรทิ้งไว้ประมาณ 24 ชม. จึงใช้น้ำยาปกป้องร่องยาแนวเพื่อช่วยปกป้องร่องยาแนวจากคราบสกปรก เช่น คราบสบู่ คราบน้ำมัน บริเวณห้องน้ำ และห้องครัว